Feeds:
เรื่อง
ความเห็น

Archive for the ‘aim.mo ชวนทำ’ Category

หายไปนานจากงานเย็บๆปักๆ  (ดูสิ  ขนาดทำแต่ของง่ายๆยังจะขี้เกียจ  เจ้าของบล็อกนี่มันน่ารักนัก!)

ที่หายไปนาน  นอกจากมัวแต่วาดรูปเล่น  เจ้าของบล็อกก็ยังติดนิยายโรมานซ์หนึบเป็นตังเมคล้ายๆมีอาการเบาหวานขนาดความโรมานซ์ในชีวิต   นิยายโรมานซ์ที่พิมพ์ใหม่ในช่วงห้าหกปีนี้ส่วนใหญ่จะปกสวยงามตามท้องเรื่อง  ไม่มีภาพพระเอกนางเอกนัวเนียกันให้เขิน

…แต่ยัยเอมโม่นี่ดันอ่านนิยายโรมานซ์ที่พิมพ์เมื่อสิบปีก่อนขึ้นไปซะส่วนใหญ่นี่สิ   จะหนีบไปอ่านนอกบ้านก็แสนจะอายเลยต้องห่อปกกระดาษทุกครั้ง  ในที่สุก ความอดทนก็มาถึงขีดสุด  ตัดสินใจเย็บปกผ้าไว้ใช้ห่อปกดีแล้ว  เอาแพทเทิร์นจากปกพลาสติคสำเร็จรูปที่ตามร้านหนังสือเค้าใช้นี่ละจะได้ใช้ได้กับนิยายที่กว้างยาวเท่ากันแต่หนาต่างกันได้—-ดูหน้าตาซะก่อน  เจ้าเหมียวอ่านหนังสือนี่แทนตัวเจ้าของบล็อกเลย 😀

photo 1- (73)

วิธีเย็บก็ไม่ยากค่ะ  (เพราะเจ้าของบล็อกทำเรื่องยากไม่ค่อยจะเป็น  >_< )    อุปกรณ์ก็น้อยเพราะเย็บด้วยมือ ลองดูตามรูปนะคะ

photo a1photo a2    photo a3

photo a4

photo a5

Read Full Post »

รูปภาพ

ในครัว ฐานะของดิฉันมักจะอยู่ลำดับมือล้างจานที่บ้านแม่  หลังจากแต่งงาน-ย้ายมาอยู่กับคนรักกันสองคน ฉันก็ยังเป็นมือรองในครัวอยู่ดี

 

แต่ถึงจะเป็นมือรอง  เราก็ต้องหัดทำจานเด็ดไว้บ้าง 😛

 

ช่วงแรกบ้านเอมโม่ก็ซื้ออาหารสำเร็จรูปมาแบ่งใส่ช่องฟรีซไว้ทยอยอุ่นกินเป็นมื้อๆนะคะ แต่หลังจากเราทั้งคู่เลิกทำงานประจำก็จัดสรรเวลาให้บ้านได้ดีขึ้น  เราอยากทำอาหารกินเองเพราะอยากประหยัด ขณะเดียวกันก็ได้กินอาหารมีคุณภาพ  ที่จริงพยายามปลูกผักกินเองด้วยค่ะ แต่ความที่วินัยต่ำ ตอนนนี้ที่บ้านเลยมีแค่ผักชีฝรั่งที่เติบโตขยายต้นดีกับโหระพาต้นเล็ก กะเพราสองต้นจิ๋วที่ยังไม่พร้อมให้เราเด็ดไปผัด

 

ได้แต่ปลอบตัวเองว่าค่อยๆเริ่มไปเนอะ  อย่าไปเครียด  ต้นอ่อนตายก็พยายามปลูกใหม่ซะ

 

อาหารจานเด็ดที่มือรองคนนี้พอทำได้ก็พวกต้มซุปไก่  ผัดสะบัดช่อที่ได้สูตรมาจากเว็บไซต์คุณพิมจากห้องก้นครัว  แต่มันก็ยังเด็ดไม่พอเพราะไม่ใช่อาหารโปรดคนร่วมบ้าน  มันเลยชวนให้ Self-Esteem ในส่วนนี้ตกต่ำ แพ้คู่ต่อสู้  (สามี) ค่ะ     บังเอิ๊ญว่าได้กะปิอร่อยมาจากแม่  นึกไปนึกมา “หมูผัดกะปิ” น่าจะเป็นจานเด็ดพอสูสีกับน้ำตกคอหมูของสามีได้เลยค้นอากู๋จนเจอสูตรของคุณชายกางแห่งพันทิป   เข้าทาง ลองทำดีกว่า

 

ระหว่างตำเครื่องก็นึกโรแมนติคกับเครื่องผัด เครื่องแกงค่ะ…พวกบรรดาพืชผักสมุนไพรนานาที่เอามาตำๆ ต่างกันไปตามประเภทผัดแกงนี่มันเป็นการส่งต่อการค้นพบค้นคว้าจากรุ่นสู่รุ่นลงมาเรื่อย   เป็นประวัติศาสตร์ที่กินเข้าไปได้  อิ่มเอมยิ้มแก้มปริกับประวัติศาสตร์นี้ได้ทันทีที่ได้กลิ่นหอมแล้วเคี้ยวกลืน

 

มือใหม่หัดทำอาหารเป็นเหมือนกันไหมคะ  โรแมนติคกับเรื่องแบบนี้ 🙂

Read Full Post »

เมื่อปีที่แล้ว ฉันเย็บผ้าม่านสำหรับห้องนอนของเพื่อนไปหนึ่งชุด  (เป็นงานที่เพื่อนรักจ้างทำเลยรับทำให้  …ปกติแล้วฉันไม่ชอบทำชิ้นงานใหญ่ๆเอาซะเลย)   ผ้าม่านชุดนั้นเป็นผ้าม่านลายทางสีม่วงไลแลคสลับขาว ติดลูกไม้ตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อยตามใจฉัน (ต้องขอบคุณเพื่อนที่ปล่อยให้คนเย็บออกแบบเองตามใจ)

 

ผ้าม่านชุดนั้นถือเป็นผ้าม่านชุดแรกที่ทำเลยล่ะ  ก่อนทำเลยต้องศึกษาเอาเอง เขียนขั้นตอนการเย็บไว้ไม่ให้พลาด  พอทำออกมาก็ภูมิใจที่ทำได้แต่ฉันก็ประกาศออกไปว่าไม่รับทำผ้าม่านนะคะ ไม่ถนัดค้าบ

 

ปีนี้ มีเพื่อนอีกคนหนึ่งมาจ้างให้เย็บผ้าม่านอีก ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะไม่รับแต่จะช่วยกันหาแบบม่านที่เหมาะกับเงื่อนไขของเพื่อนให้   คุยไปคุยมาก็เลยรับทำอีก! (คราวนี้เพื่อนมีผ้าอยู่แล้ว  ฉันแค่แนะว่าน่าจะทำสองชั้นในชิ้นเดียว-มีผ้าลูกไม้ไว้ช่วยบังสายตาบังแสงแดดเวลารูดม่านเปิด)  ที่รับทำเพราะเพื่อนคนนี้เคยเป็นลูกค้างานกระเป๋า แถมตอนฉันไปเจอแฟนเพื่อนซึ่งเป็นเจ้าของกระเป๋าที่ฉันเย็บให้ เขาก็ถือกระเป๋ามาด้วยโดยไม่รู้มาก่อนว่าวันนี้จะมาเจอคนเย็บ  ตอนเห็นว่าเขาใช้กระเป๋าจริงๆในชีวิตประจำวันนะ  ฉันดีใจสุดๆเลย)

 

ผ้าม่านที่รับทำคราวนี้มีสองชุด  ชุดแรก…ส่งไปแล้ว  อีกชุดหนึ่งก็ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์เต็มที  และถึงจะเคยมีประสบการณ์เย็บม่าน  แต่คราวนี้ฉันก็ยังต้องเขียนลำดับขั้นตอนไว้ละเอียดเหมือนเคย

 

นี่เป็นชุดแรกที่ส่งไปแล้ว  ผ้าที่ใช้เป็นผ้าฝ้ายจากญี่ปุ่น เนื้อสัมผัสดี (แต่แอบหดนิดหน่อยตอนซัก) ซ้อนทับกับผ้าลูกไม้  ฉันติดแถบลูกไม้ไว้ชายม่านด้วย  แต่รวมๆแล้วก็เป็นแบบที่เรียบกว่างานเมื่อปีก่อนมาก

Image

 

ชุดที่สองกำลังเย็บประกอบร่างอยู่  ฉันลองลดขั้นตอนดู  ผลออกมาดีใช้ได้แต่ฉันดันเรียงผ้าผิด  ต้องแก้ใหม่หมด—เลยต้องทำงานหนักกว่าการค่อยๆเย็บตามลำดับซะอีก  ตอนเลาะผ้ามาเย็บใหม่เลยพยายามจำเรื่องนี้ไว้เป็นบทเรียน  อะไรๆที่มันลัด มันลดขั้นตอน…มันยิ่งต้องตรวจสอบก่อนลงมือทำให้ดี  เวลาแก้จะได้ไม่ต้องรื้อใหม่หมดแบบนี้ 🙂

 

นี่ไง ม่านอีกชุด  ในรูปนี้คือตอนที่รู้ตัวว่าทำพลาดเลยถ่ายรูปไว้—ถ่ายเสร็จก็ลงมือรื้อ  ..เพลียตัวเองแต่ก็แก้เสร็จแล้วล่ะ :>

 

อ้อ…ลืมย้ำอีกที  “ไม่รับเย็บผ้าม่าน” นะคะ  ไม่รู้ว่าย้ำแบบนี้  ผลจะออกมาเหมือนคราวก่อนมั้ย ^___^

Image

Read Full Post »

เริ่มโปรเจ็คท์ใหม่คือเอารูปที่วาดบนไม่บัลซาให้เพื่อนมาแปลงร่างลงผ้า

เอมเลือกใช้ผ้าสักหลาดสองหน้าเพราะตกแต่งได้ง่ายกว่า  แต่ผ้าสักหลาดที่ใช้ทำตัวกระเป๋าควรเลือกแบบเนื้อดีนะคะ  เอมเคยจับๆผ้าสักหลาดที่สำเพ็งร้านนึง…ผ้าไม่แน่นค่ะ ไม่ค่อยชอบ  ชิ้นที่ใช้ทำกระเป๋านี่ได้มาจากร้าน Daiso —คิดราคาแล้วแพงกว่าซื้อร้านที่สำเพ็งนิดเดียว  (แต่ในเว็บที่เค้าแบ่งขายอาจจะถูกกว่าและคุณภาพดีด้วยนะคะ ลองเลือกซื้อดูตามพอใจนะคะ)

เข้าสู้วิธีทำเลยดีกว่า  เดี๋ยวจะเวิ่นเว้อไปกว่านี้ อิอิ

1.ถ้ามีแบบแล้วก็ร่างหรือลอกลายลงกระดาษแข็ง (ถ้าคิดจะทำชิ้นเดียว ไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว  ข้ามขั้นตอนนี้ก็ได้ค่ะ  ลอกลายลงผ้าได้เลย)    เอมวาดแบบลงกระดาษ reuse จากกล่องขนม  ตัดตามรอยและเจาะชิ้นส่วนตา,จมูก ออกมา

Camera 360

2. ตัดผ้าชิ้นกระเป๋าตามแบบ  2 ชิ้น  ตัดผ้าซับใน (เผื่อตะเข็บเย็บ) 2 ชิ้น   กระเป๋าฮูกของเอม  เอมซับในด้วยผ้าชิ้นสี่เหลี่ยมตรงๆค่ะ  เว้นช่วงหูไว้ (เพราะสอยได้ง่ายกว่า)

Camera 360

3. ตัดผ้าชิ้นจมูก,ปากตามแบบ  (ถ้าไม่ใช้ผ้าสักหลาด และต้องการปะผ้าลงไปให้เนี้ยบ—ต้องเผื่อผ้าสำหรับตะเข็บ)

4. เย็บกระดุมติดผ้าชิ้นตาทั้งสองชิ้น( ทำเป็นลูกตา) เสร็จแล้วสอยชิ้นตา,ปากลงบนผ้าชิ้นกระเป๋า

Camera 360

5. สอยซับในผิดที่ด้านผิดของผ้าชิ้นกระเป๋าทั้งสองชิ้น   เอมลืมลิมเย็บทำห่วงสำหรับสายคล้องมือในขั้นตอนนี้ เลยเย็บติดทีหลังเหมือนในภาพค่ะ

Camera 360

Camera 360

6. ประกบผ้าชิ้นกระเป๋าสองชิ้นเข้าด้วยกัน  กลัดเข็มหมุดไว้ให้ติดกัน แล้วเย็บปักแบบคัทเวิร์ค (หรือ BOTTON-HOLE STITCH , BLANKET STITCH )  เพื่อให้ผ้าสองชิ้นติดกันค่ะ

Camera 360

เสร็จแล้วววว  เย็บแบบนี้ เด็กๆก็น่าจะทำได้นะคะ  ถ้าเค้าสนใจเย็บปักถักร้อย  จะลองเอากระเป๋าผ้าสักหลาดให้เขาทำก็น่าจะดี  ถ้าเย็บซับในยากไปก็ลดขั้นตอนนี้ได้ค่ะ

Read Full Post »

สวัสดีปีใหม่ พ.ศ. 2556 ค่ะ 🙂

 

ช่วงเริ่มต้นปีใหม่ปีเป็นช่วงที่เหมาะกับการแสดงความรู้สึกดีๆต่อกัน..คิดอย่างนั้นมั้ยคะ     ทั้งที่จริงๆแล้วเราจะมอบสิ่งดีๆ ความรู้สึกดีๆให้กันวันไหนก็ได้  แต่วันปีใหม่หรือวันเกิดก็เหมือนจะคอยลั่นระฆังเตือนเราว่าวันเวลามันเดินหน้าไปเร็วมาก  อยากส่งความสุขแก่ใครก็จงทำซะ

ปีใหม่นี้ เอมโม่ทำของให้เพื่อนๆตามรูปแบบงานที่ตัวเองกำลังชอบเหมือนเคยค่ะ  ของเลยออกมาหน้าตาแบบนี้

Image

สมุดขนาดกว้างยาวไม่กี่นิ้ว  บางประมาณ 20 หน้ากระดาษหนา 70 แกรม ปกเป็นกระดาษที่มีรูปบนไม้บัลซาตกแต่งไว้

ที่จริงอยากเย็บสมุดด้วยไหมหรือด้ายค่ะ แต่ลองทำได้เล่มเดียวแบบมั่วเอาเองแล้วคิดว่าคงต้องใช้เวลาทำนานเกินกำหนดส่งมอบแน่ๆเลยเปลี่ยนวิธีเป็นเย็บลวดเลยแล้วติดเทปผ้าปิดไว้

Image

ใช้กระดาษ 70 แกรม (รีไซเคิล)  สีขาวนวลอ่อนโยนต่อสายตามาตัดเอา—ฝีมือตัดกระดาษห่วยเหมือนเคยค่ะ โดยเฉพาะทำแข่งกับเวลา   ถ้าเริ่มทำเร็วกว่านี้  ไส้ในกระดาษคงจะทำได้เรียบร้อยกว่านี้แน่ๆ 😛

รูปที่วาดลงบนไม้บัลซาเป็นรูปสัตว์ที่เพื่อนชอบ   เอมตัดแบ่งไม้ตามขนาดที่ต้องการ (ใช้ไม้บัลซาหนา 1 มม.  – ใช้กรรไกรตัดได้เลย)  แล้ววาดรูปลงไปด้วยหมึกกันน้ำ (ปากกา pigma micron ยี่ห้อซากุระ)   ติดไม้บัลซาลงบนกระดาษลายที่เลือกไว้…แค่นี้ก็ได้ปกแล้วค่ะ  หลังจากนั้นก็เย็บเล่ม

เย็บลวดตามรูปข้างบนก็เร็วและแน่นหนาดี  เหมาะสำหรับสมุดเล่มบาง  แต่ถ้าอยากทำเล่มหนา  เอมว่าเย็บเล่มด้วยไหมหรือด้ายก็จะแน่นหนากว่า  เพียงแต่ใช้เวลามากกว่าเยอะค่ะ

Camera 360

อย่างรูปนี้เอมลองเย็บแบบร้อยไหมพรมดู  แต่ก็ออกมาไม่แน่นหนาค่ะ…ต้องเรียนรู้อีกเยอะ คราวนี้เลยไม่ทำให้เพื่อน  แต่แบบนี้ เอมว่าน่ารักกว่านะคะ ถ้าใครเย็บสมุดเป็นอยู่แล้วหรือพร้อมจะลุยก็ทำแบบนี้เลยค้าบ 🙂

Read Full Post »

มีเรื่อง”ยึดถือ”อยู่หนึ่งเรื่อง

นั่นคือถ้าใจหรืออะไรซักอย่างมันร้องเตือน เราจะต้องฟังแม้จะเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องแค่ไหน….ประหนึ่งยัยฮาจิในเรื่องนานะเชื่อฟังและหวาดระแวงท่านยมฑูต (ที่เธอเพ้อของเธออยู่คนเดียว—ใครเคยอ่านมังหงะเรื่องนี้คงจำได้)

ดังนั้น ถึงจะชอบรูปหน้าปกหนังสือ “เมื่อคนตกอยู่ในกองเพลิง” แต่พอมีคำเตือน (ใครเตือนวะ) ก็ต้องทำตาม นั่นคือการห่อมันซะ ปิดปกไป…และเราก็ห่อแบบชั่วมาก คือ

1. เอากระดาษมาต่อกันให้มันพอคลุมปก ติดรอยต่อด้วยเทปกาวและเทปผ้า

Image

Image
และ 2.   งัดเอาที่เจาะกระดาษป้ามาร์ธามาใช้ซะหน่อย
Image
Camera 360
แถมเอาคลิปหนีบปกด้านหน้าด้านหลังเอา เพราะอ่านจบแล้วจะเอากระดาษห่อนี้ไปใช้กับเล่มอื่นต่อจะได้ปรับขนาดได้ (เช่นเอาไปห่อปิดปกตอนอ่านนิยายวาบหวามเป็นต้น อิอิ)

 

เอมโพสในเฟซบุคไปแล้วแต่เอามาแปะในนี้อีกที  เผื่อใครนึกสนุกรื้อเอาอุปกรณ์งานกระดาษ งาน scrapbook ที่เก็บๆไว้มาเล่น   (เรารู้นะว่าคุณเอามันไปดองอยู่ใช่มั้ย  รื้อมันออกมาเล่นซะดีๆ) :>

Read Full Post »

Image

ด้วยความมึนเลยไปอัพเดทเรื่องงานฝีมือใน blogspot ทั้งที่ตั้งใจเล่าที่ wordpress เป็นหลัก

 

เมื่อวานนี้เอมเอากระเป่าที่ปั่นเย็บ 15 ใบไปให้ร้านปันกันขายค่ะ  ขายได้เท่าไหร่ก็นำไปเป็นทุนเล่าเรียนน้องๆ
…เอามาเล่าในนี้เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องบันดาลใจให้คนที่ชอบตัดเย็บนะคะ  บางคนไม่ชอบเปิดร้านขาย  ชอบทำสนุกๆ แต่ทำให้คนใกล้ชิดจนครบแล้ว   ลองทำแล้วไปให้ร้านปันกันของมูลนิธิยุวพัฒน์ขายดูนะคะ  เราเพลินแถมได้ประโยชน์กับคนอื่นอีก

 

เอมเล่าไว้ ที่นี่   ลองอ่านได้นะคะ 🙂

Read Full Post »

นี่ก็นานมากแล้วนะคะหลังจากเอมโม่ชวนทำพายไก่เมื่อปีก่อนโน่น 😛

คราวนี้  เอมโม่มาชวนทำบลูเบอร์รี่ชีสเค้กแบบง่ายมากๆกันค่ะ  …ทำง่าย เร็วและไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เฉพาะเช่นเตาอบหรือที่ตีผสม เพราะเราเอาของสำเร็จรูปมาผสมกันทั้งนั้นเหมาะมากๆที่คุณพ่อคุณแม่จะทำให้เด็กๆกินนะคะเพราะเดี๋ยวนี้ถ้าซื้อกิน  ของราคาย่อมเยาก็มักใช้หน้าบลูเบอร์รี่ที่ทำมาจากแป้งกวนผสมรสผสมกลิ่น  กินไม่อร่อยและหวานเกินค่ะ   ของอร่อยก็ราคาสูงมาก…ลองทำเองกันดีกว่า 🙂

 

เริ่มแรก  เรามาเตรียมอุปกรณ์กันค่ะ (ขอบอกแบบละเอียดเผื่อสำหรับคนที่ไม่คุ้นกับครัวเลยนะคะ)

รูปภาพ

ที่เห็นในรูปเยอะนี่เพราะวันที่ทำเอมโม่ทำเผื่อสองครอบครัวตัวใหญ่ค่ะ  ถ้าทำกินกันห้าหกคน คนละถ้วยก็ใช้ตามนี้นะคะ

 

1. แครกเกอร์ 1 ห่อ   (เอมใช้ยี่ห้อโรซี่ รสธรรมดาค่ะ  ถูกดีและรสชาติเค็ม,มันนิดๆ  ห่อละประมาณ 9 บาท  อันนี้แล้วแต่งบฯแล้วแต่ความชอบนะคะ  บางคนใช้ยี่ห้อฮับเส็ง บางคนก็ใช้ขนมปังไดเจสทีฟของ Mark & Spencer  แต่โรซี่นี่แนะนำที่ถูกและดีค่ะ)

 

2. น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ  (ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำตาลสำหรับเบเกอร์รี่  ใช้แบบธรรมดาหรือน้ำตาลไม่ขัดขาวที่ใช้ประจำอยู่แล้วก็ได้ค่ะ  สูตรนี้ไม่จำเป็นต้องเป๊ะแบบใช้ช้อนตวง  ช้อนคาวในบ้านนี่แหล่ะตวงได้ค่ะ)

 

3. ครีมชีสสด 1 ห่อๆละ 250 กรัม

(หาซื้อง่ายคือยี่ห้อ Caroline ผลิตในไทยกับ Philadelphia ของนอก   .ใช้ได้ทั้งคู่ค่ะ  ของไทยจะถูกกว่า 20-30 บาท    ราคาร้อยกว่าบาทต่อห่อ   ถ้าทำแล้วชอบ  อยากทำให้เด็กๆกินบ่อยๆ  ซื้อครีมชีสจาก Makro ก้อนใหญ่  คิดราคาเฉลี่ยต่อปริมาณแล้วจะถูกกว่ามากค่ะ  รสชาติเค้าก็ใช้ได้เลย  ขาดแค่เค็มมันน้อยกว่า    Caroline จะมีกลิ่นเหมือนเวลาเรากินนมเข้มข้นค้างอยู่ในปากนานค่ะ    ในสามตัวนี้ เอมโม่ว่า Philadelphia อร่อยสุดเพราะเจือรสเค็มจางๆอยู่ด้วย)

 

4. ไส้บลูเบอร์รี่สำเร็จรูป  1 กระป๋อง คนชอบหวานแหลมหน่อยจะใช้ไส้สตรอเบอร์รี่ก็ได้ค่ะ (เอมโม่ใช้ Wilderness เพราะหาซื้อง่าย ราคาถูกกว่ายี่ห้อนำเข้าอื่น  ประมาณ 120-145 บาทแล้วแต่ซื้อจากไหนนะคะ  บางทีมีโปรโมชั่นก็ลดเยอะ  แต่ไม่แนะนำให้ซื้อของราคาถูกมากไปอย่างพวกไส้สำเร็จแพ็คในถุง  ส่วนใหญ่แล้วมักเป็นแป้งกวนเยอะค่ะ  มันหวานอย่างเดียวและไม่มีบลูเบอร์รี่เลย)

 

5. ชามผสม, พาย    (ใช้ชามใหญ่ๆหน่อยกับทัพพีก็ได้ค่ะ  เราแค่เอามากวนๆครีมชีสไม่นาน)

 

6. ถ้วย/แก้ว   (ใส่ถ้วยเล็กก็ใช้หลายถ้วย  ใส่ถ้วยใหญ่ก็ใช้น้อยถ้วยตามปริมาณแบ่ง  ถ้าทำไปฝากเพื่อนๆจะใช้ถ้วยพลาสติคอย่างในรูปก็ได้ค่ะ)

 

มีของครบแล้ว  เราก็เริ่มเลยนะคะ

 

1. เอาครีมชีสมาทิ้งไว้นอกตู้เย็นให้นิ่ม

2. เอาแครกเกอร์ออกมาจากห่อ  แล้วทยอยเอากลับใส่ห่อทีละหกชิ้น  หรือจะเอาใส่ถุงพลาสติคสะอาดก็ได้  แล้วเอามือบีบเลยค่ะ  แค่นี้แครกเกอร์ก็แตกแล้ว  บีบให้แครกเกอร์แตกเป็นชิ้นเล็กๆทั้งหมดนะคะ  แต่ไม่ต้องละเอียดมากจนเป็นผงทั้งหมด

3. เอาครีมชีสที่นิ่มแล้วใส่ชามผสม  ใส่น้ำตาลลงไป  แล้วคนๆๆๆๆค่ะ  (ระบายอารมณ์ได้อย่างเต็มที่เลย)

รูปภาพ

คนให้ทั่วพักนึงพอที่คิดว่าน้ำตาลกระจายไปทั่วแล้วก็เริ่มขั้นตอนง่ายสุดๆต่อไปค่ะ 🙂

 

4. หยอดแครกเกอร์ที่แตกแล้วลงในถ้วยเป็นฐาน  ตรงนี้ก็กะปริมาณเอาเลยค่ะ

รูปภาพ

 

5.  หยอดชั้นต่อไปด้วยครีมชีสที่เราผสมแล้ว   กะปริมาณด้วยตาเลยค่ะ

รูปภาพ

ลงรูปนี้ให้เห็นว่าเราหยอดเป็นชั้นๆนะคะ

 

6. หยอดชั้นที่สามด้วยแครกเกอร์ทับลงไปบนครีมชีสอีกที

 

7. หยอดชั้นสุดท้ายด้วยบลูเบอร์รี่ค่ะ   เอา่ล่ะ  เสร็จแล้ววว   กินได้เลยไม่ต้องแช่เย็น  แต่แช่เย็นก็จะยิ่งอร่อยนะคะ  …ลองทำกันเลยนะค้าบ

รูปภาพ

Read Full Post »

ขอออกตัวแรงๆว่าไม่ได้เป็นผู้เชียวชาญงานตัดเย็บนะคะ  ถึงจะทำขายแต่ก็เป็นงานแบบที่ไม่ซับซ้อน

แต่วันนี้ขออนุญาตเขียนถึงอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับงานเย็บทั่วไปโดยใช้มือค่ะ  เช่นเย็บกระเป๋าใช้เอง เย็บตุ๊กตา  ไม่ใช่อุปกรณ์เย็บเสื้อนะคะ  เพราะตัดเย็บเสื้อจะมีอุปกรณ์เฉพาะตัวเข้าไปอีก  และไม่รวมงาน Patchwork (ต่อผ้า) และงานควิลท์ (Quilt) ด้วยค่ะ เพราะใช้เท่าที่เอมโม่จะโพสก็ได้  แต่ควรมีอุปกรณ์ช่วยเพิ่มมากกว่านี้ให้เราทำงานง่ายขึ้น

พอจะเริ่มเขียนก็นึกถึงบล็อกป้าแอ๊ดในบล็อกแก๊งค์ขึ้นมาค่ะ  เสียดายที่ป้าแอ๊ดลบโพสงานฝีมือออกไปหมด  ไม่งั้นเข้าไปดูในนั้นก็จบ  ป้าแอ๊ดบอกไว้ละเอียดเลยค่ะ

เอาล่ะ  เข้าเรื่องกันซะทีดีกว่า

   รูปภาพ

  1. เข็ม  เอมโม่ชอบเข็มดีๆหน่อยค่ะ  อย่างยี่ห้อในรูปที่ซื้อจากร้าน Pinn (เอมซื้อเป็นเข็มสำหรับงานปัก  แพ็คนึงหลายขนาด  แต่ใช้ในการเย็บทั่วไปได้)  เข็มดีๆจะเคลือบสารที่ทำให้ผ่านผ้าง่าย   อย่าไปซื้อแบบที่แถมมากับชุดซ่อมเสื้อผ้าที่ขายใน 7/11 เลยค่ะ  บางครั้งจะได้เข็มไม่ดี  เย็บผ้าแล้วฝืด
  2. เข็มเนา และ ที่สนเข็ม  ซื้อเข็มเนาเก็บไว้ไม่เสียหลายค่ะ  เข็มเนาจะคม บางและยาวหน่อย  เวลาเนาแล้วจะได้ไม่ต้องค่อยๆเย็บเนาไป  ตะลุยเอาเข็มจิ้มผ้าได้ทีละหลายฝีเข็ม    ส่วนที่สนเข็มก็เอาแบบในภาพพอค่ะ  ไอ้เครื่องแพงๆยังไม่ต้องซื้อถ้ายังแค่เริ่มต้นเย็บผ้า
  3. เข็มหมุด   ใช้กลัดผ้าค่ะ  ต้องซื้อไว้อย่างน้อยก็แพ็คนึง หรือประมาณ 20 เล่ม จะได้มีพอใช้กลัดผ้า  ในรูปมีทั้งเข็มหมุดแบบหัวกลมใหญ่ธรรมดากับแบบเล็กๆที่ใช้สำหรับงานแอพพลิเก้หรือการปะผ้าลงบนผ้านะคะ  ถ้าปกติเย็บกระเป๋าใบใหญ่หน่อย ไม่ได้ทำงานละเอียดนักก็ซื้อเฉพาะแบบหัวกลมใหญ่ธรรมดามาก็ได้ค่ะ  เริ่มแรกยังไม่ต้องลงทุนซื้อแบบนำเข้าราคาแพงจากญี่ปุ่นที่เป็นหัวแก้วนะคะ  ใช้แบบธรรมดาๆแพ็คนึงก่อนก็พอ
  4. ด้าย   ซื้อด้ายสีดำกับสีขาวออฟไวท์เก็บไว้ก่อนค่ะ ยังไงคงได้ใช้แน่  ด้ายสีอื่นๆก็เอาไว้ซื้อเวลามีแบบในใจว่าจะเย็บอะไรสีไหน  แล้วค่อยไปเลือกสีด้ายให้เหมาะกับผ้าอีกที    ถ้าใครคิดว่างานเย็บตัวเอง ใช้การเนาเยอะ  จะซื้อด้ายเนามาเก็บไว้ก็ได้ค่ะ   ตรงนี้ ถามร้านค้าให้เค้าหยิบให้ไปเลย ง่ายดี เพราะหน้าตาก็ด้ายธรรมดานี่ล่ะ  แต่คุณสมบัติของด้ายแค่ต่างกันนิดหน่อย  เราจะเนาด้วยด้ายธรรมดาก็ไม่ผิดอะไร
  5. กรรไกรก้ามปู และ ที่เลาะผ้า   ซื้อกรรไกรแบบถูกๆอันละ 10-20 บาทก็คมได้  ไม่ต้องซื้อพง  เราเอาไว้ตัดด้ายเฉยๆค่ะ  ส่วนทีีเลาะผ้านี่ยังไงต้องมี  ยังไงเราได้เลาะผ้าครั้งนึงในชีวิตแน่ ฮ่าๆ ;P
  6. ปลอกนิ้ว   อันนี้ที่จริงไม่ใช้ก็ได้ค่ะ  แต่ถ้าคิดจะเย็บกระเป๋าด้วยมือ  มีไว้เถิดไม่เสียหลาย  เวลาเราใช้นิ้วดันเข็มให้ทะลุผ้า  นิ้วจะได้ไม่เจ๊งเป็นตาปลาไป

รูปภาพ

7.กรรไกรตัดผ้า   อย่าได้ดูถูกการตัดผ้า  เราควรซื้อกรรไกรตัดผ้าไว้ใช้  มันมีหลายราคาค่ะ ตั้งแต่สองสามร้อยถึงพันกว่าบาท  ถ้ามีตังค์และยอมทุ่ม  ซื้อดีๆไปเลย แต่ถ้าค่อยๆเริ่ม ค่อยเป็นค่อยไป  เราซื้อที่ร้านตัดเย็บตามตลาดใหญ่ๆได้นะคะ  แบบในภาพสีฟ้า  เอมโม่ซื้อมาจากร้านในตลาดแฮปปี้แลนด์ราคาสองร้อยกว่าบาทแต่ก็คมดี ใช้สะดวก มีปลอกด้วย   หรือในรูปสีเงิน  อันนี้เป็นของตกทอดจากแม่ค่ะ  หลายบาทอยู่  แต่เอมโม่ไม่ค่อยได้ใช้หรอก

*กรรไกรตัดผ้า  อย่าเอาไปตัดอย่างอื่นเด็ดขาดจะเสียคม  แล้วก็ระวังอย่าให้ตกนะคะ  ตัวข้อ/น๊อตของกรรไกรจะได้ไม่เคลื่อน*

8.สายวัด   มีตั้งแต่ยี่สิบบาทไปจนเจ็ดสิบกว่า  มีทั้งแบบเป็นสาย เป็นตลับพกง่าย (สามสิบบาทก็ซื้อได้แล้ว)   อันนี้เลือกตามสะดวกและตามเหมาะกับสายตานะคะ  ถ้าถูกมาก  บางทีเป็นของจีน ให้ระวังว่าตัวเลขมาตราส่วนจะพิมพ์เบลอๆหน่อยค่ะ

9. ปากกาแบบใช้น้ำลูบก็ลบรอยหมึกออกได้   อันนี้อย่าสับสน  มันไม่ใช่ปากกาเมจิคทั่วไปนะคะ  ตอนซื้อ ถ้าไม่ใช่ร้านขายของตัดเย็บดีๆให้ขอลอง  มันต้องขีดลงผ้าแล้วแค่เอาน้ำลูบ รอยขีดก็หายไปนะคะ  (ถ้าซื้อในร้าน Pinn  มันจะมีขายแบบเซ็ตนึงหลายสีไมกี่สิบบาท  อันนั้นใช้ไม่ได้ค่ะ  เอามาใช้แล้วผ้าเสียเปล่าๆ)   ปากกานี่มีขายตั้งแต่หกสิบกว่าบาทไปถึงสองร้อยค่ะ  ลองเลือกดู  แต่ควรมีติดไว้นะคะ  มันจะสะดวกในการทำงานมากเลยเพราะเราจะวาดภาพ/กำหนดตำแหน่งอะไรๆโดยวาดลงบนผ้าได้อย่างสบายใจเพราะยังไงก็ลบรอยหมึกออกง่ายอยู่ดี

10.ลูกกลิ้ง  ไว้กลิ้งลอกลายจากแพทเทิร์น/แบบลงบนผ้า    มีด้ามหลายแบบ  เลือกเอาตามความสะดวกของมือตัวเองนะคะ  ถ้ามือเล็กเป็นหญิงสาวทั่วไป  มันจะมีแบบเล็กหน่ยจับกลิ้งง่าย  แต่เอมโม่มือใหญ่เหมือนมือผู้ชายที่ใหญ่ค่ะ เลยเลือกแบบนี้   ถ้าคิดว่าเราจะยังไม่เย็บอะไรที่ต้องลอกลายก็ไว้ซื้อทีหลังได้ค่ะ

11. กระดาษลอกลาย  มีลูกกลิ้งก็ต้องมีกระดาษลอกลายเพราะมันใช้คู่กันค่ะ  ซื้อตามร้านตัดเย็บทั่วไป  มีหมดล่ะคับ

อย่าสับสนกับกระดาษลอกลายแบบคาร์บอนที่ไว้ลอกกระดาษนะคะ  คนละอย่างกัน   แบบนี้ซักสีออกได้ค่ะ (แต่ก็อย่าไว้ใจกดสีลงไปแรง)

12. หมอนปักเข็ม  มีไว้ซักอัน  เอาแบบธรรมดานี่ล่ะค่ะ  แล้วพอเริ่มเย็บจะเย็บสวยๆเก๋ๆมาใช้เองก็ได้  หรือจะเริ่มเย็บหมอนเป็นอย่างแรกก็ดีนะคะ  แต่ห้ามใช้สำลียัดไส้ล่ะ  ใช้ไปนานๆ เข็มจะเป็นสนิมไปซะหมด

13. กรรไกรตัดกระดาษ  กรรไกรบ้านๆนี่ล่ะค่ะ  เอาไว้ใช้ตัดอย่างอื่นที่ไม่ใช่ผ้า  เช่นใช้ตัดกระดาษ ตัดแบบ  หรือตัดใยสังเคราะห์หรือผ้ากาวที่ใช้บุงานผ้า

 

14. ไม้บรรทัดยาว   เอายาวอย่างน้อย 30 ซม.นะคะ  เวลาทาบบนผ้าจะได้ไม่ต้องทาบหลายสเต็ปนัก  พวกที่ใช้ตัดเสื้อเค้าจะใช้ยาวกว่านี้ค่ะ  เราไม่ต้องโปร.ขนาดนั้นก็ได้  ค่อยๆอะเดปท์ไป

ที่เหลือก็พวกกระดาษ ดินสอไว้จดไว้ขีดบนแพทเทิร์นค่ะ  ส่วนใหญ่คงมีกันแล้ว

สิ่งสำคัญที่สุดคือใจที่อยากลงมือทำ และการลงมือทำจริงๆนะคะ  เรื่องอุปกรณ์ เราค่อยๆหา ค่อยๆปรับใช้นู่นนี่ทดแทนกันได้  ไว้อยากทำขั้นแอดวานซ์หรือพวกงานแพทช์เวิร์ค  เราค่อยไปซื้อ Rotary Cutter ไว้ตัดผ้า  เข็มควิลท์ ด้ายควิลท์ไว้มาเป็นผู้ช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น

มีพี่คนนึงเคยบอกเอมโม่ค่ะว่าคนรุ่นปู่ย่าตาทวดเราเย็บผ้าสวยๆอลังการมาตั้งเยอะ  เค้าไม่ได้มีอุปกรณ์ไฮเทคอะไร  แต่ก็เย็บออกมาสวยเหลือเกิน

มันคงอยู่ที่การฝึกฝน ตั้งใจจริงนะคะ  อุปกรณ์ดีพร้อม ไม่ได้ทำให้เราเย็บผ้าสวยแน่นอน  อุปกรณ์เค้าเป็นเพียงผู้ช่วยที่แสนดีเท่านั้นค่ะ

ขอให้สนุกกับการเริ่่มต้นเย็บนะคะ  ไม่มีจักรแต่มีใจก็เย็บกระเป๋าสวยและแข็งแรงได้ค่ะ  โลกนี้ยังมีเย็บแบบด้นถอยหลังเป้นอาวุธของบรรดาสาวเย็บมืออยู่  อย่าไปกลัว  สู้ๆๆคับ

(หวังว่าจะใส่อุปกรณ์ได้ครบ  ถ้าตกหล่นอะไรจะเอามาโพสเพิ่มนะคะ ^ ^)

Read Full Post »

ตะกี้คุยกับเพื่อนที่ทำงานฝีมือเหมือนกัน (และเก่งกว่าเอมโม่มากฮับ)  ว่าปักผ้าเป็นลายการ์ตูนมันน่ารักดี

 

เอมโม่เลยนึกถึงที่รองแก้วที่เย็บเป็นของขวัญให้เพื่อนที่รู้จักกันผ่าน blog และมีความรู้สึกดีๆให้กัน

 

ในเมื่อตั้งใจทำให้คนที่เป็นนักวาดภาพ  เอมโม่ก็เลยเย็บของที่น่าจะใช้ในบ้านได้บ่อยๆและมีรูปวาดกุ๊กกิ๊กให้เค้า

 

ตอนทำ  เลือกสีผิดไปหน่อยค่ะ  รู้สึกว่าหวานเกินและคนที่ได้รับอาจจะไม่กล้าเอาไปใช้เพราะกลัวเลอะ

 

ถ้าทำอีก คงจะเลือกเป็นสีน้ำตาล เอิร์ธโทนอุ่นๆ  (แต่อีกใจก็นึกไปถึงว่าจะใช้สีเหลืองเลมอน สีส้มซ่าไปเลย 555)

 

ผ้ารองถ้วยนี้ บุใยสังเคราะห์แบบบางไว้ด้วยจะได้ซับน้ำได้เวลาใช้รองแก้วที่ใส่น้ำแข็ง

 

เอมโม่เอามาฝากเพราะเป็นของทำได้ไม่ยากและก็น่าจะเหมาะเอาไปดัดแปลงรายละเอียดกุ๊กกิ๊กให้เหมาะกับสิ่งที่ผู้รับจะชอบได้ด้วยนะคะ

 

ไม่ลง how-to นะคะ  มันก็ใช้วิธีประกบด้านถูกเข้าด้วยกันแล้ววางบนใยสังเคราะห์   –  เย็บ  –  เว้นช่องไว้สำหรับกลับผ้า – กลับผ้า – แล้วก็สอยปิดช่องแบบไม่ยากเลย  ส่วนรายละเอียดตกแต่งก็ทำตามใจ  จะแอพพลิเก้ให้เลิศ หรือแค่สอยกระดุมไม้ลายต่างๆติดตรงมุมก็น่ารักแล้วค่ะ   ^___^

Image

Read Full Post »

Older Posts »